อธิบายอาการอกหักตามหลักวิทยาศาสตร์

คนเราเวลาที่อกหักเมื่อไหร่ก็มักจะทำอะไรที่ดูจะเข้าใจยาก ไร้สติหรือบ้า ๆ บอ ๆ ไปสักหน่อยไม่มีเหตุผลเรื่อยไปเช่น ยืนตากฝนเป็นชั่วโมง เล่นมิวสิกวิดีโอเพลงในห้องน้ำหรือแม้กระทั่งนั่งเขียนเรียงความยาวซะหลายหน้ากระดาษแล้วนำไปให้แฟนเก่าอ่านหรือบางคนอาจจะทำสิ่งที่ผิดพลาดจนทำลายชีวิตอีคนนึงไปเลยก็ได้เวลาที่คนสองคนรักกันอะไรมันก็ดีไปหมดไม่ไม่ว่าจะพูดอะไรจะทำอะไรก็ดีไปหมดจนอาจจะพลาดเมื่อแฟนขอถ่ายคลิปหลุดเก็บไว้ก็ยอมแฟนให้เขาถ่ายคลิปหลุดระหว่างทำกิจกรรมกันโดยไม่ได้นึกกลัวเลยว่าเขาจะเอาคลิปหลุดนี้ไปทำอะไรหรือเปล่าแล้วพอถึงเวลาที่จะต้องเลิกกันเมื่อฝ่ายชายโกรธจนไม่มีสติก็ปล่อยคลิปหลุดมาเพื่อจะแก้แค้นแล้วก็กลายเป็นคลิปหลุดนี้ที่ทำร้ายคุณทั้งสองคน ทุก ๆ คนรู้หรือเปล่าว่าพฤติกรรมแบบนี้มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มารองรับเสียด้วยดังนั้นวันนี้เราจะนำบทความที่อธิบายพฤติกรรมของคุณตอนอกหักมาให้ดูกัน
ข้อที่หนึ่งอาการดราม่าแค่มองท้องฟ้าก็น้ำตาไหล นักวิทยาศาตร์บอกว่าอาการอกหักในช่วงแรกนั้นจะเรียกว่าช่วงต่อต้านยังจะรับไม่ได้หรือว่าปรับใจไม่ทันนั่นเองมันจะเต็มไปด้วยความผิดหวัง หงุดหงิด ไม่พอใจอันเป็นผลมาจากสมองส่วนที่ควบคุมความรู้ความเข้าใจต่าง ๆ นั้นได้ทำงานผิดปกติไปนั่นเอง ซึ่งในช่วงนี้ร่างกายจะหลั่งโฮโมนโดพามีนและนอยด์เบนเนฟินในระดับที่สูงมากซึ่งจริง ๆ แล้วโฮโมนเหล่านี้มันจะทำให้คุณนั้นมีความสุขแต่ว่าในเวลาที่อกหักพวกมันกลับทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าปกติหลาย ๆ เท่าเลยล่ะอาการที่จะเกิดขึ้นก็คือ เพ้อถึงความหลัง นอนไม่หลับ น้ำตาไหลง่าย จิตใจเปราะบาง เป็นต้น
ข้อที่สองอาการโกรธแค้นเหวี่ยงแรงบ้านระเบิด ความโกรธเป็นความรู้สึกที่ขึ้นได้เป็นเรื่องปกติตราบใดที่เรายังควบคุมตัวเองได้อยู่แต่ว่าความโกรธในช่วงที่อกหักนั้นมันจะเป็นอะไรที่ควบคุมยากปกติมาก ๆ ซึ่งเป็นผลที่เกิดมาจากส่วนหนึ่งชองสมองที่ทำหน้าที่ในการจัดการเรื่องความทรงจำ การตัดสินใจและการตอบสนองต่ออารมณ์ ในเวลาที่โกรธระดับโอโมนไซโลโทนีนจะลดลงฮวบฮาบซึ่งมันจะมีผลต่อการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ ความเจ็บปวด ความต้องการทางเพศและก็อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ระดับไซโลโทนีนที่ไม่สมดุลจะทำให้เกิดความเครียดและคิดหมกหมุ่นและก็จะนำไปสู่การทำอะไรโดยขาดสติไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้มีอารมณ์ที่หุนหันพันแล่นอย่างเช่น ไปทำร้ายร่างกายคนอื่นหรือการทำร้ายตัวเองและยังส่งผลไปถึงในระบบย่อยอาหารและก็อาจจะเกิดอาการอาหาไม่ย่อยและคลื่นไส้อาเจียนได้อีกด้วย